ซื้อสินค้า โทร. 02-1944899, 081-4563232

รางน้ำฝนมีแบบไหนบ้าง เลือกอย่างไรให้สวยทน

รางน้ำฝนมีแบบไหนบ้าง เลือกอย่างไรให้สวยทน

รางน้ำฝนมีแบบไหนบ้าง เลือกอย่างไรให้สวยทน

(หมวด : ดูแลรักษา)

รางน้ำฝนมีแบบไหนบ้าง เลือกอย่างไรให้สวยทน ประเภทรางน้ำฝนเชิงชายหลากหลายวัสดุ ที่มีคุณสมบัติแตกต่างกัน พร้อมแนะนำข้อดีข้อเสียก่อนเลือกใช้

บ้านเราที่มีฤดูฝนยาวนาน เหมาะมากกับการติดตั้งรางน้ำฝน เพราะช่วยควบคุมการไหลของน้ำปริมาณมากจากหลังคาลงสู่บ่อพักน้ำ ซึ่งหลายคนอาจคิดว่าจะมีหรือไม่มีรางน้ำฝนยังไงฝนก็ตกลงมาที่พื้นอยู่ดีแล้วก็ไหลลงทางระบายน้ำได้เหมือนกัน แต่ที่จริงแล้วน้ำฝนที่ตกบนหลังคาบ้านจะไหลรวมกันในปริมาณมาก ซึ่งแรงกระแทกของน้ำจากหลังคาลงต้นไม้ สวน ส่งผลให้ต้นไม้ตายได้ พื้นที่บริเวณนั้นเกิดการทรุด น้ำขัง และหากบ้านติดกันกับเพื่อนบ้านก็เป็นการป้องกันไม่ให้น้ำฝนจากหลังคาบ้านเรากระเด็นไปยังบ้านอื่นด้วย

ปัจจุบันรางน้ำฝนมีวัสดุให้เลือกหลายชนิด แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ (1) กลุ่มโลหะ ได้แก่ สังกะสี สเตนเลส อะลูมิเนียม เหล็กเคลือบสี และ (2) กลุ่มวัสดุสังเคราะห์ ได้แก่ ไฟเบอร์กลาส พีวีซี ไวนิล ซึ่งวัสดุแต่ละชนิดมีคุณสมบัติแตกต่างกัน ดังนี้

ในช่วงฤดูฝนหรือช่วงเวลาที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย การมีระบบระบายน้ำฝนที่ดีจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับบ้านทุกหลัง “รางน้ำฝน” คือองค์ประกอบหนึ่งที่มักถูกมองข้าม แต่จริง ๆ แล้วมีความสำคัญต่อทั้งโครงสร้างบ้าน ความสวยงาม และการป้องกันปัญหา เช่น น้ำฝนไหลย้อน น้ำขังบนหลังคา หรือความชื้นสะสมตามผนังบ้าน บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับรางน้ำฝนในแต่ละประเภท วัสดุที่ใช้ทำรางน้ำฝน รวมถึงข้อดีของรางน้ำฝนแต่ละแบบ เพื่อช่วยให้เจ้าของบ้านสามารถเลือกใช้งานได้อย่างเหมาะสมและคุ้มค่า

นอกจากเรื่องของประโยชน์และการใช้งาน รางน้ำฝนยังมีผลต่อภาพลักษณ์และดีไซน์ของตัวบ้านอีกด้วย การเลือกรางน้ำฝนให้เหมาะกับสไตล์บ้าน ทั้งสี วัสดุ และรูปทรง จึงกลายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ควรใส่ใจ บทความนี้จาก SCG Home จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของรางน้ำฝนอย่างครบถ้วน พร้อมคำแนะนำในการเลือกใช้งานที่ทั้ง “สวย” และ “ทน” ไปพร้อมกัน

รางน้ำฝนมีแบบไหนบ้าง เลือกอย่างไรให้สวยทน

1. รางน้ำฝนสังกะสี

เป็นหนึ่งในวัสดุยอดนิยมที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในระบบระบายน้ำฝนของบ้านเรือนและอาคาร เนื่องจากมีคุณสมบัติเด่นในด้านความแข็งแรง ทนทานต่อแรงกระแทก และสามารถรับน้ำหนักได้ดี โดยตัววัสดุผลิตจากแผ่นเหล็กที่เคลือบด้วยสังกะสี (Galvanized Steel) ซึ่งช่วยป้องกันการเกิดสนิมและการกัดกร่อนจากความชื้นและน้ำฝนได้ในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ รางน้ำฝนสังกะสียังมีน้ำหนักเบา ตัดและดัดแปลงได้ง่าย ทำให้สามารถปรับแต่งให้เข้ากับขนาดและรูปแบบของหลังคาได้หลากหลาย อีกทั้งยังมีราคาย่อมเยาเมื่อเทียบกับวัสดุประเภทอื่น จึงเหมาะกับบ้านที่ต้องการลดต้นทุนแต่ยังต้องการความคุ้มค่าทางโครงสร้างและการใช้งาน

ในการติดตั้ง รางน้ำฝนสังกะสีสามารถติดตั้งได้ทั้งในรูปแบบแขวนหรือแบบติดขอบชายคา โดยใช้อุปกรณ์ยึด เช่น ขายึด ข้อต่อ และสกรูที่มีคุณภาพ เพื่อเพิ่มความมั่นคงให้กับระบบรางน้ำ การใช้งานเหมาะสำหรับบ้านพักอาศัยทั่วไป โรงรถ โรงงาน หรืออาคารพาณิชย์ที่ต้องการระบบระบายน้ำฝนที่มีอายุการใช้งานระดับกลาง (5–10 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษา) ทั้งยังสามารถนำมาเคลือบสีเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มความสวยงามให้เข้ากับดีไซน์ของบ้านและช่วยยืดอายุการใช้งานได้อีกด้วย จุดที่ควรระวังคือหากมีรอยขีดข่วนที่ลึกจนถึงเนื้อเหล็ก อาจทำให้เกิดสนิมได้เร็วขึ้น ดังนั้นควรตรวจสอบรอยรั่วหรือรอยแตกร้าวเป็นระยะ และหมั่นทำความสะอาดเพื่อให้ระบบรางน้ำทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

รางน้ำฝนมีแบบไหนบ้าง เลือกอย่างไรให้สวยทน
ภาพ: รางน้ำฝนสังกะสี

รางน้ำฝนมีแบบไหนบ้าง เลือกอย่างไรให้สวยทน

2. รางน้ำฝนสเตนเลส

เป็นตัวเลือกระดับพรีเมียมที่ได้รับความนิยมในกลุ่มเจ้าของบ้านและอาคารที่ต้องการวัสดุคุณภาพสูง มีความแข็งแรงและทนทานเป็นพิเศษ ตัววัสดุผลิตจากโลหะสเตนเลส (Stainless Steel) ซึ่งมีคุณสมบัติทนต่อการกัดกร่อนได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่เป็นสนิมแม้จะสัมผัสน้ำฝนหรือความชื้นต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน นอกจากนี้ยังทนต่อแสงแดดและการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิได้ดี จึงเหมาะสำหรับใช้งานในทุกสภาพอากาศ อีกหนึ่งจุดเด่นคือผิวสเตนเลสมีความมันวาว ดูเรียบหรู สามารถตกแต่งให้เข้ากับบ้านสไตล์โมเดิร์นหรือร่วมสมัยได้เป็นอย่างดี อายุการใช้งานของรางน้ำฝนสเตนเลสอาจยาวนานกว่า 20 ปี หากได้รับการติดตั้งและดูแลรักษาอย่างถูกวิธี

ในด้าน การใช้งานและประโยชน์ รางน้ำฝนสเตนเลสสามารถรองรับปริมาณน้ำฝนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะกับบ้านที่มีพื้นที่หลังคาขนาดใหญ่ หรือพื้นที่ที่มีฝนตกชุก เพราะตัววัสดุไม่บิดงอ ไม่กรอบแตกง่าย และไม่มีปัญหาเรื่องการรั่วซึมบริเวณรอยต่อหากติดตั้งอย่างถูกต้อง การมีรางน้ำฝนที่ดี ช่วยลดปัญหาน้ำฝนไหลย้อนเข้าผนังบ้าน ป้องกันการสะสมของเชื้อรา ความชื้น และการสึกหรอของวัสดุก่อสร้างโดยรอบ อีกทั้งยังช่วยจัดระเบียบการระบายน้ำฝนให้เป็นทิศทาง ลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับพื้นที่รอบบ้าน เช่น พื้นกระเบื้อง ลานหน้าบ้าน หรือสวนด้านล่าง ทำให้บ้านดูสะอาด เป็นระเบียบ และมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

รางน้ำฝนมีแบบไหนบ้าง เลือกอย่างไรให้สวยทน
ภาพ: รางน้ำฝนสเตนเลส

การติดตั้งรางน้ำฝนสเตนเลส

จำเป็นต้องอาศัยช่างผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากวัสดุมีความแข็ง ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะในการตัดและขึ้นรูป การเชื่อมต่อหรือประกอบชิ้นส่วนต่าง ๆ ควรใช้เทคนิคการเชื่อมที่เหมาะสม เช่น การเชื่อม TIG เพื่อป้องกันการรั่วซึมและรักษาความแข็งแรงของราง การติดตั้งที่ดีควรมีการวางระดับความลาดเอียงของรางให้เหมาะสม เพื่อให้น้ำฝนไหลลงสู่ท่อระบายน้ำได้อย่างรวดเร็ว ไม่เกิดการขังหรือรั่วซึมในระยะยาว สำหรับบ้านที่มีโครงสร้างเหล็กหรือมีความต้องการงานออกแบบที่เน้นความหรูหรา รางน้ำฝนสเตนเลสถือเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ได้ครบทั้งด้านฟังก์ชันและความสวยงาม โดยแม้ต้นทุนจะสูงกว่าวัสดุประเภทอื่น แต่ก็คุ้มค่าในระยะยาวเมื่อเทียบกับความทนทานและการดูแลรักษาที่น้อยกว่ามาก

รางน้ำฝนมีแบบไหนบ้าง เลือกอย่างไรให้สวยทน

3. รางน้ำฝนอะลูมิเนียม

เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับบ้านยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญทั้งในด้านความสวยงามและประสิทธิภาพการใช้งาน วัสดุอะลูมิเนียมมีคุณสมบัติโดดเด่นในเรื่องความเบา แต่มีความแข็งแรงและทนต่อการกัดกร่อนได้ดีเยี่ยมโดยไม่ต้องเคลือบผิวเพิ่มเติม ทำให้รางน้ำฝนประเภทนี้ไม่เป็นสนิมแม้สัมผัสน้ำฝนหรือความชื้นต่อเนื่อง เหมาะอย่างยิ่งกับสภาพอากาศร้อนชื้นแบบเมืองไทย อีกทั้งยังสามารถพ่นสีหรือทำสีผิวแบบ Powder Coating เพื่อเพิ่มความทนทานต่อรังสียูวี และช่วยให้เข้ากับสีของบ้านหรือหลังคาได้อย่างลงตัว โดยทั่วไป รางน้ำฝนอะลูมิเนียมมีอายุการใช้งานเฉลี่ย 15–25 ปี และบำรุงรักษาง่าย ไม่ต้องกังวลเรื่องสนิมหรือการหลุดลอกของสีหากเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง

รางน้ำฝนมีแบบไหนบ้าง เลือกอย่างไรให้สวยทน
ภาพ: รางน้ำฝนสเตนเลส

ประโยชน์และการใช้งาน

รางน้ำฝนอะลูมิเนียมสามารถออกแบบและผลิตเป็นแบบ Seamless หรือไร้รอยต่อได้ จึงลดโอกาสการรั่วซึมในจุดต่อของรางน้ำ เหมาะสำหรับบ้านที่ต้องการความเรียบร้อยและดูหรูหราในรายละเอียด โครงสร้างที่เบาแต่แข็งแรงของอะลูมิเนียมยังช่วยลดภาระน้ำหนักบนตัวบ้านหรือหลังคา โดยเฉพาะบ้านโครงสร้างไม้หรือบ้านชั้นเดียวที่ต้องการวัสดุที่ไม่เพิ่มน้ำหนักมากนัก รางน้ำฝนอะลูมิเนียมยังสามารถติดตั้งได้ทั้งบ้านใหม่และบ้านที่ต้องการรีโนเวท โดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างเดิมมากนัก ช่วยป้องกันปัญหาน้ำฝนไหลย้อน น้ำฝนกระเซ็นเข้าผนัง และลดการสะสมของคราบสกปรกหรือตะไคร่น้ำตามแนวหลังคาและผนังได้เป็นอย่างดี

 

การติดตั้งรางน้ำฝนอะลูมิเนียม

ควรดำเนินการโดยช่างผู้มีความชำนาญ เนื่องจากรางประเภทนี้สามารถผลิตเป็นความยาวต่อเนื่องตามแนวชายคาบ้าน จึงต้องใช้เครื่องขึ้นรูปเฉพาะในการดัดและตัดราง ณ สถานที่จริง ซึ่งช่วยลดรอยต่อและเพิ่มความเรียบร้อยให้มากยิ่งขึ้น การติดตั้งต้องมีการคำนวณความลาดเอียงที่เหมาะสม เพื่อให้น้ำฝนไหลลงท่อระบายได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่เกิดน้ำขังหรือล้นขอบราง นอกจากนี้ควรติดตั้งร่วมกับขายึดที่แข็งแรงและทนต่อการใช้งานระยะยาว สำหรับบ้านที่ให้ความสำคัญกับดีไซน์ ความสะอาดเรียบร้อย และอายุการใช้งานที่ยาวนาน รางน้ำฝนอะลูมิเนียมถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ตอบโจทย์ได้ทั้งด้านความสวยงามและประสิทธิภาพอย่างแท้จริง

รางน้ำฝนมีแบบไหนบ้าง เลือกอย่างไรให้สวยทน

4. รางน้ำฝนเหล็กเคลือบสี

(Pre-painted Steel Gutter) เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกยอดนิยมในกลุ่มเจ้าของบ้านและอาคารพาณิชย์ยุคใหม่ ด้วยคุณสมบัติเด่นเรื่องความแข็งแรงจากเหล็ก และความสวยงามจากการเคลือบสีสำเร็จจากโรงงาน ตัววัสดุผลิตจากแผ่นเหล็กรีดเย็นที่ผ่านกระบวนการเคลือบสีกันสนิมและเคลือบสีภายนอกด้วยระบบพ่นสีคุณภาพสูง จึงให้ความเงางาม เรียบเนียน และมีให้เลือกหลากหลายสีสัน สามารถเข้ากับโทนสีของตัวบ้านหรือหลังคาได้อย่างกลมกลืน ข้อดีอีกประการคือทนต่อรังสียูวี ไม่ซีดจางง่าย และมีอายุการใช้งานเฉลี่ย 10–20 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและการดูแลรักษา เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการวัสดุที่แข็งแรงในราคาประหยัด แต่ยังได้ดีไซน์ที่ทันสมัยและดูสะอาดตา

รางน้ำฝนมีแบบไหนบ้าง เลือกอย่างไรให้สวยทน
ภาพ: รางน้ำฝนเหล็กเคลือบสี

ประโยชน์และการใช้งาน

รางน้ำฝนเหล็กเคลือบสีมีคุณสมบัติในการระบายน้ำฝนได้ดีเยี่ยม เหมาะกับอาคารที่มีพื้นที่หลังคาขนาดใหญ่ หรือบริเวณที่ฝนตกชุก เนื่องจากรางสามารถรองรับปริมาณน้ำฝนได้มากโดยไม่บิดงอ นอกจากนี้ การเคลือบสีภายนอกยังช่วยเพิ่มความทนทานต่อการขูดขีดและการสึกหรอ ลดโอกาสเกิดสนิมจากรอยขีดข่วนขณะติดตั้งหรือใช้งาน ตัวรางสามารถใช้ร่วมกับระบบรางแบบสำเร็จรูปหรือแบบดัดขึ้นรูปหน้างานได้ ทำให้สามารถปรับความยาวและรูปทรงให้เข้ากับลักษณะหลังคาและตัวบ้านได้หลากหลาย อีกทั้งยังดูแลรักษาง่าย เพียงแค่ทำความสะอาดสิ่งอุดตันเป็นระยะ ก็สามารถยืดอายุการใช้งานได้อย่างยาวนาน ไม่ต้องพ่นสีซ้ำบ่อย ๆ หรือกังวลเรื่องสนิมเหมือนเหล็กทั่วไป

 

การติดตั้งรางน้ำฝนเหล็กเคลือบสี

ควรดำเนินการโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากต้องใช้เครื่องมือเฉพาะในการตัดและดัดวัสดุ เพื่อไม่ให้เกิดรอยแตกของชั้นเคลือบซึ่งอาจเป็นจุดอ่อนให้เกิดสนิมในระยะยาว การติดตั้งจะใช้ขายึดรางน้ำที่แข็งแรง และควรคำนวณระดับความลาดเอียงของรางอย่างเหมาะสม เพื่อให้สามารถระบายน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่เกิดการขังหรือล้นราง ระบบต่อเชื่อมควรใช้ข้อต่อหรือวัสดุซีลกันรั่วที่ทนแดดทนฝน เพื่อให้แนวรอยต่อแน่นหนาและไม่รั่วซึมในระยะยาว สำหรับผู้ที่ต้องการวัสดุที่แข็งแรง คงรูปสวยงาม สีสันหลากหลาย และคุ้มค่าในราคากลาง รางน้ำฝนเหล็กเคลือบสีถือเป็นทางเลือกที่ลงตัวระหว่างฟังก์ชันและดีไซน์

รางน้ำฝนมีแบบไหนบ้าง เลือกอย่างไรให้สวยทน

5. รางน้ำฝนไฟเบอร์กลาส

(Fiberglass Gutter) ถือเป็นอีกหนึ่งวัสดุทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับระบบระบายน้ำฝนของบ้านเรือนยุคใหม่ ด้วยคุณสมบัติเด่นที่ผสานความแข็งแรงของวัสดุเส้นใยไฟเบอร์กลาสเข้ากับความยืดหยุ่นในการใช้งาน รางน้ำฝนประเภทนี้มีน้ำหนักเบากว่าโลหะ แต่มีความแข็งแรงเพียงพอสำหรับรองรับแรงกระแทกและปริมาณน้ำฝนที่มากในช่วงฤดูฝน วัสดุไฟเบอร์กลาสไม่เป็นสนิม ไม่บิดงอ และทนต่อสารเคมี ทำให้สามารถใช้งานได้ดีในทุกสภาพอากาศ ทั้งแดดจัด ฝนตก หรือแม้แต่พื้นที่ใกล้ทะเลที่มีไอเกลือสูง นอกจากนี้ยังมีอายุการใช้งานยาวนานเฉลี่ย 15–25 ปี และสามารถพ่นสีเคลือบเพื่อความสวยงามและความทนทานต่อรังสียูวีได้อีกด้วย

ประโยชน์และการใช้งาน

รางน้ำฝนไฟเบอร์กลาสเหมาะกับทั้งบ้านพักอาศัย อาคารสำนักงาน โรงงาน หรือสิ่งปลูกสร้างที่ต้องการระบบระบายน้ำฝนที่ทนทานต่อสภาพแวดล้อม ไม่ต้องกังวลเรื่องการผุกร่อนหรือสนิมในระยะยาว อีกทั้งยังช่วยป้องกันปัญหาน้ำฝนไหลย้อนเข้าสู่ผนัง ลดการเกิดเชื้อรา ความชื้น และคราบสกปรกตามแนวผนังบ้านหรือพื้นโดยรอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ การออกแบบรางน้ำฝนไฟเบอร์กลาสสามารถปรับขนาด ความยาว หรือรูปทรงได้ตามต้องการ จึงสามารถใช้ได้กับหลังคาหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นหลังคาแผ่นเรียบ หลังคาลอน หรือหลังคาโมเดิร์นทรงแปลกใหม่ อีกทั้งยังติดตั้งร่วมกับระบบรางลงท่อได้ง่าย ทำให้การจัดการน้ำฝนเป็นระบบและช่วยดูแลสภาพแวดล้อมรอบบ้านให้สะอาดปลอดภัยอยู่เสมอ

รางน้ำฝนมีแบบไหนบ้าง เลือกอย่างไรให้สวยทน
ภาพ: รางน้ำฝนไฟเบอร์กลาส

การติดตั้งรางน้ำฝนไฟเบอร์กลาส

ควรดำเนินการโดยช่างผู้มีประสบการณ์เฉพาะด้านวัสดุคอมโพสิต เพราะแม้ว่าจะน้ำหนักเบาและตัดง่าย แต่ต้องใช้เทคนิคในการเจาะ ยึด หรือประกอบเพื่อป้องกันการแตกร้าวของเนื้อวัสดุในจุดอ่อนต่าง ๆ โดยทั่วไปสามารถติดตั้งได้ทั้งแบบแขวนหรือแบบติดตามแนวชายคา โดยมีการเว้นระยะขายึดที่เหมาะสมเพื่อคงความมั่นคงของรางในระยะยาว จุดเด่นอีกอย่างของรางน้ำฝนไฟเบอร์กลาสคือสามารถผลิตแบบ Seamless (ไร้รอยต่อ) ได้ ซึ่งช่วยลดโอกาสการรั่วซึมในแนวต่อ และเพิ่มความสวยงามของตัวบ้านโดยไม่เห็นรอยเชื่อมต่าง ๆ สำหรับบ้านที่ต้องการวัสดุที่ “เบา ทน ไม่เป็นสนิม และดูแลรักษาง่าย” รางน้ำฝนไฟเบอร์กลาสจึงถือเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ได้ครบในทุกมิติ ทั้งฟังก์ชันและความสวยงามในระยะยาว

 

รางน้ำฝนมีแบบไหนบ้าง เลือกอย่างไรให้สวยทน

6. รางน้ำฝนพีวีซี (PVC Gutter)

ถือเป็นทางเลือกยอดนิยมของเจ้าของบ้านยุคใหม่ เนื่องจากมีคุณสมบัติที่ตอบโจทย์การใช้งานทั้งด้านความคงทน ความสวยงาม และการติดตั้งที่ง่ายกว่าระบบรางน้ำแบบเก่า โดยวัสดุพีวีซีเป็นพลาสติกคุณภาพสูงที่มีคุณสมบัติกันน้ำ กันแดด และไม่เป็นสนิม จึงเหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทยอย่างยิ่ง นอกจากนี้ยังมีอายุการใช้งานยาวนาน ไม่บิดงอหรือแตกร้าวง่ายเมื่อเจอรังสียูวีหรือฝนตกหนัก ทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงในระยะยาว และยังมีน้ำหนักเบา ช่วยให้สามารถติดตั้งได้ง่ายและปลอดภัย ไม่เป็นภาระกับโครงสร้างของหลังคา

 

ประโยชน์ และการใช้งาน

ใช้งาน รางน้ำฝนพีวีซีทำหน้าที่รองรับและระบายน้ำฝนจากหลังคาลงสู่ท่อน้ำทิ้งหรือระบบระบายน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยป้องกันการชะล้างของดินรอบบ้าน ลดการเกิดน้ำขังบริเวณฐานรากหรือผนังที่อาจทำให้เกิดเชื้อราและความชื้นสะสมซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพและโครงสร้างบ้าน นอกจากนี้ยังช่วยลดเสียงน้ำฝนกระทบหลังคาในฤดูฝนได้เป็นอย่างดี อีกทั้งด้วยดีไซน์ที่ทันสมัย รางน้ำพีวีซีจึงสามารถติดตั้งให้เข้ากับบ้านได้หลากหลายสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นบ้านโมเดิร์น บ้านทรอปิคอล หรือบ้านร่วมสมัย อีกทั้งยังมีสีสันที่หลากหลายให้เลือก เช่น สีขาว เทา น้ำตาล หรือดำ ช่วยเสริมความสวยงามให้กับตัวบ้านและคงภาพลักษณ์ที่ดูสะอาดเรียบร้อย

รางน้ำฝนมีแบบไหนบ้าง เลือกอย่างไรให้สวยทน
ภาพ: รางน้ำฝนพีวีซี

สำหรับการติดตั้ง

รางน้ำฝนพีวีซีสามารถทำได้ทั้งแบบ DIY หรือให้ช่างมืออาชีพติดตั้ง ซึ่งโดยทั่วไปจะเริ่มจากการวัดแนวระยะของหลังคาเพื่อติดขายึดรางอย่างถูกต้อง จากนั้นต่อรางแต่ละช่วงเข้าด้วยกันโดยใช้ระบบล็อกหรือกาวพิเศษเพื่อป้องกันน้ำรั่วซึม จุดเด่นของระบบราง PVC คือสามารถตัดต่อและดัดแปลงได้ตามความยาวหรือมุมต่าง ๆ ของหลังคา ทำให้ติดตั้งได้ง่ายและรวดเร็ว ทั้งยังไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือหนักหรือโครงสร้างเสริมมากนัก จึงประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง อีกทั้งยังมีอุปกรณ์เสริมครบครัน เช่น ข้องอ ฝาครอบ ข้อต่อ และกรองเศษใบไม้ ช่วยให้ระบบระบายน้ำฝนสมบูรณ์แบบและดูแลรักษาง่ายตลอดอายุการใช้งานของบ้าน.

 

รางน้ำฝนมีแบบไหนบ้าง เลือกอย่างไรให้สวยทน

7. รางน้ำฝนไวนิล (uPVC)

คือวัสดุทดแทนโลหะที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในงานก่อสร้างบ้านเรือนยุคใหม่ ด้วยคุณสมบัติของวัสดุ uPVC (Unplasticized Polyvinyl Chloride) ที่มีความทนทานต่อแสงแดด ฝน ความชื้น และสารเคมีได้ดี ทำให้รางน้ำชนิดนี้กลายเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกับสภาพอากาศของประเทศไทยที่มีทั้งฝนตกชุกและแดดจัดในแต่ละปี จุดเด่นของรางน้ำฝนไวนิล คือไม่เป็นสนิม ไม่บิดงอ และไม่กรอบแตกง่ายเหมือนพลาสติกทั่วไป อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบา ช่วยให้ติดตั้งสะดวก และลดภาระโครงสร้างบ้านได้ดี นอกจากนี้ พื้นผิวของรางน้ำฝนไวนิลยังมีความเรียบลื่น ช่วยให้น้ำไหลผ่านได้รวดเร็ว ไม่เกิดการอุดตันง่าย ทำให้ช่วยยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานหลายปี

รางน้ำฝนมีแบบไหนบ้าง เลือกอย่างไรให้สวยทน
ภาพ: รางน้ำฝนไวนิล

ในด้านประโยชน์และการใช้งาน

รางน้ำฝนไวนิลช่วยจัดการปริมาณน้ำฝนที่ไหลจากหลังคาลงสู่พื้นให้เป็นระเบียบ ป้องกันการกระเซ็นของน้ำซึ่งอาจทำให้ผนังบ้านเปื้อน เกิดคราบตะไคร่ หรือทำให้พื้นที่รอบบ้านทรุดตัวได้ นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันน้ำไหลย้อนกลับเข้าอาคาร และลดโอกาสที่น้ำจะซึมเข้าสู่ตัวบ้าน จึงเป็นการป้องกันความเสียหายต่อโครงสร้างได้ในระยะยาว เหมาะกับทั้งบ้านพักอาศัย อาคารสำนักงาน รีสอร์ท และสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ ที่ต้องการความสวยงามควบคู่กับการปกป้องทรัพย์สิน การออกแบบรางน้ำไวนิลในปัจจุบันยังมีหลายสี หลายรูปแบบ เช่น ทรงกลม ทรงเหลี่ยม รองรับทั้งสไตล์โมเดิร์นและคลาสสิก จึงช่วยเสริมภาพลักษณ์ของบ้านได้เป็นอย่างดี

 

ขั้นตอนการติดตั้งรางน้ำฝนไวนิล

ค่อนข้างง่ายเมื่อเทียบกับรางน้ำโลหะทั่วไป เพราะไม่จำเป็นต้องเชื่อมหรือใช้เครื่องมือหนัก สามารถใช้ระบบคลิปล็อกและการเชื่อมต่อด้วยข้อต่อสำเร็จรูป ทำให้ติดตั้งได้รวดเร็ว และลดโอกาสรั่วซึมตามรอยต่อได้มากกว่าระบบดั้งเดิม อย่างไรก็ตาม ควรติดตั้งโดยช่างที่มีประสบการณ์ เพื่อให้ได้ระยะลาดเอียงที่เหมาะสมต่อน้ำฝนไหลลงท่ออย่างมีประสิทธิภาพ และควรเลือกแบรนด์ที่มีมาตรฐาน มีรับประกันสินค้า และสามารถเปลี่ยนอะไหล่ได้ในอนาคต ทั้งนี้ รางน้ำไวนิลยังมีอายุการใช้งานเฉลี่ยยาวนานกว่า 10 ปี หากดูแลรักษาอย่างเหมาะสม จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว ทั้งในด้านประสิทธิภาพและความสวยงามของตัวอาคาร

 

สรุปภาพรวมของรางน้ำฝนแต่ละประเภท ที่นิยมใช้ในประเทศไทย โดยเปรียบเทียบ วัสดุ, คุณสมบัติ, ข้อดีข้อเสีย และการใช้งานที่เหมาะสม อย่างชัดเจน:

1. รางน้ำฝนไวนิล (uPVC)

  • วัสดุ: พลาสติก uPVC (Unplasticized Polyvinyl Chloride)

  • คุณสมบัติเด่น: กันสนิม ทนแดด ทนฝน ไม่บิดงอง่าย สีไม่ซีดเร็ว ดูแลรักษาง่าย

  • ข้อดี: น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย มีดีไซน์ทันสมัย กลมกลืนกับบ้านยุคใหม่ เหมาะกับงานตกแต่งที่ต้องการความสวยงาม

  • ข้อเสีย: รับแรงกระแทกได้น้อย หากติดตั้งไม่ดีอาจแตกร้าวเมื่อเจอแรงกระแทกหรือของตกใส่

  • เหมาะกับ: บ้านพักอาศัยทั่วไป บ้านสมัยใหม่ รีสอร์ท บ้านจัดสรร

2. รางน้ำฝนสังกะสี

  • วัสดุ: แผ่นเหล็กชุบสังกะสี

  • คุณสมบัติเด่น: น้ำหนักเบา ราคาถูก ตัดและติดตั้งง่าย

  • ข้อดี: ประหยัดงบ เหมาะสำหรับงานทั่วไป ติดตั้งรวดเร็ว

  • ข้อเสีย: เป็นสนิมได้ง่าย อายุการใช้งานสั้นกว่าวัสดุอื่น ไม่สวยงามเท่าระบบสำเร็จรูป

  • เหมาะกับ: อาคารพาณิชย์ บ้านเช่า โรงเก็บของ หรือโครงการที่มีงบจำกัด

3. รางน้ำฝนสแตนเลส

  • วัสดุ: เหล็กกล้าไร้สนิม (Stainless Steel)

  • คุณสมบัติเด่น: แข็งแรง ทนสนิม ไม่ผุง่าย ดูแลรักษาง่าย

  • ข้อดี: อายุการใช้งานยาวนาน ทนต่อสภาพอากาศ มีความหรูหราและเงางาม

  • ข้อเสีย: ราคาแพงกว่าสังกะสี ตัดแต่งยากกว่า

  • เหมาะกับ: บ้านระดับพรีเมียม บ้านหรู โรงแรม หรืออาคารที่ต้องการความทนทานสูง

4. รางน้ำฝนอลูมิเนียม

  • วัสดุ: อลูมิเนียมอัลลอย

  • คุณสมบัติเด่น: ไม่เป็นสนิม น้ำหนักเบา พ่นสีได้หลายแบบ

  • ข้อดี: ไม่บิดงอง่าย มีอายุการใช้งานนาน ดูดีและหรูหรา

  • ข้อเสีย: ราคาสูง ต้องติดตั้งโดยช่างที่มีประสบการณ์

  • เหมาะกับ: บ้านดีไซน์โมเดิร์น บ้านในเมือง โครงการระดับกลาง-สูง

5. รางน้ำฝนไฟเบอร์กลาส

  • วัสดุ: เรซินผสมใยแก้ว

  • คุณสมบัติเด่น: เบา ทนกรด-ด่าง ทน UV สีไม่ซีดง่าย

  • ข้อดี: ไม่เป็นสนิม ใช้ได้กับโรงงานหรือบริเวณที่มีสารเคมี

  • ข้อเสีย: แตกหักได้ง่ายหากรับแรงกระแทกสูง ราคาสูงกว่าสังกะสีเล็กน้อย

  • เหมาะกับ: โรงงาน, อาคารในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง หรือมีสารเคมีปนเปื้อน

6. รางน้ำฝนพีวีซี (PVC)

  • วัสดุ: พลาสติกพีวีซีแข็ง

  • ข้อดี: น้ำหนักเบา ไม่เป็นสนิม ราคาประหยัด ติดตั้งง่าย

  • ข้อจำกัด: เปราะเมื่อโดนแดดแรงนาน ๆ แตกหักง่ายเมื่อโดนแรงกระแทก

  • เหมาะกับ: บ้านชั้นเดียว, อาคารทั่วไปที่ไม่มีแดดจัดตลอดวัน, ใช้งานทั่วไป

7. รางน้ำฝนไวนิล (uPVC)

  • วัสดุ: พลาสติก uPVC (ไม่ผสมสารอ่อนตัว)

  • ข้อดี: ไม่เป็นสนิม ไม่บิดงอ ผิวเรียบลื่น น้ำไหลดี ทน UV ได้ดีกว่า PVC

  • ข้อจำกัด: ราคาสูงกว่า PVC เล็กน้อย อาจเปราะเมื่อใช้นานเกิน 10 ปีในแดดจัด

  • เหมาะกับ: บ้านจัดสรร บ้านพักตากอากาศ รีสอร์ท หรือผู้ที่ต้องการความสวยงามและดูแลง่าย

รางน้ำฝนมีให้เลือกหลากหลายชนิดและมีคุณสมบัติแตกต่างกันไป ควรพิจารณาใช้งานที่ยาวนาน ติดตั้งง่ายเหมาะสมกับหลังคา รวมไปถึงความเรียบร้อยสวยงามตามสไตล์ที่ชอบ แต่เหนือสิ่งอื่นใดควรเลือกใช้ให้พอเหมาะพอดีกับงบประมาณที่จัดสรรไว้ด้วย

Housing Expert By SCG
หจก.ต.วิวัฒน์ค้าวัสดุภัณฑ์ (1987)
เลขที่ 56 ถนนพิบูลสงคราม ตำบลเมืองใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัด นนทบุรี 11000
SCG Authorized Dealer ตัวแทน จำหน่ายวัสดุก่อสร้าง สี เคมีภัณฑ์ คุณภาพ

จำหน่ายสินค้า วัสดุก่อสร้างทุกชนิด เหล็ก อิฐ หิน ปูน ทราย ไม้พื้น ระแนง กระเบื้องปูพื้น หลังคา กระเบื้องหลังคา รางน้ำฝน แลนด์สเคป ยิปซั่ม สมาร์ทบอร์ด ซีเมนต์บอร์ด ประตู หน้าต่าง สุขภัณฑ์ ไฟฟ้า ประปา สี เคมีภัณฑ์ เครื่องมือช่าง ฯลฯ จัดจำหน่าย ค้าปลีก , ค้าส่ง และโครงการ

 

ติดตาม
Facebook : หจก. ต.วิวัฒน์ค้าวัสดุภัณฑ์ 1987 จำกัด

เชิญชมตัวอย่างสินค้าได้ที่ร้าน

หจก. ต.วิวัฒน์ค้าวัสดุภัณฑ์ (1987)

TOWIWAT HOUSING EXPERT BY SCG

สอบถามข้อมูลสินค้าและบริการ
Line : @towiwat
02-1944899 ,02-1499344

โพสต์นี้มีความคิดเห็นเดียว

  1. รางน้ำฝนมีแบบไหนบ้าง เลือกอย่างไรให้สวยทน ประเภทรางน้ำฝนเชิงชายหลากหลายวัสดุ ที่มีคุณสมบัติแตกต่างกัน พร้อมแนะนำข้อดีข้อเสียก่อนเลือกใช้

ใส่ความเห็น

×