วางแผนรีโนเวทบ้านของคุณ 6 ขั้นตอนสำคัญที่ต้องรู้
วางแผนรีโนเวทบ้านของคุณ 6 ขั้นตอนสำคัญที่ต้องรู้ แนวทางการรีโนเวท 6 ขั้นตอน สำหรับหลายๆ คนที่คิดว่าจะปรับปรุงบ้านไม่ว่าจะเป็นงานปรับปรุงบางส่วน หรือปรับปรุงบ้านทั้งหลัง
บ้านหลังเก่าที่เราอยู่อาศัยมาหลายสิบปี ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ทั้งสภาพบ้านที่ทรุดโทรมลง ประกอบกับความต้องการพื้นที่ใช้สอยที่เปลี่ยนไป หรือแม้แต่บ้านมือสองในเมืองที่หลายคนเลือกอยู่อาศัยแทนการซื้อบ้านหลังใหม่ตามชานเมือง ซึ่งแน่นอนว่าต้องทำการรีโนเวทบ้านหลังเก่าที่ว่าให้ตรงกับความต้องการใหม่ของเรา ทั้งนี้เจ้าของบ้านสามารถอาศัยแนวทางการรีโนเวทบ้าน 6 ขั้นตอนต่อไปนี้ในการเตรียมตัวก่อนลงมือ
ขั้นตอนสำคัญที่ต้องรู้ก่อนเริ่มรีโนเวทบ้าน
1. กำหนดวัตถุประสงค์ในการรีโนเวทบ้าน
อันดับแรก ต้องพิจารณาก่อนว่า เราต้องการรีโนเวทบ้านทำไมและต้องทำเยอะขนาดไหน เพื่อใช้ในการประเมินงบประมาณเบื้องต้น ไม่ว่าจะเป็น
ปรับปรุงบ้านทั้งหลัง เนื่องจากสภาพเก่าทรุดโทรมมาก หรือมีความเสียหายหลายส่วน
จัดแบ่งพื้นที่ใช้สอยใหม่ให้มีความหลากหลายเพิ่มขึ้น เช่น การกั้นห้องโฮมเธียเตอร์ในพื้นที่ห้องนั่งเล่น
ซ่อมแซมบางส่วนที่เสียหาย โดยอาจถือโอกาสปรับปรุงสภาพให้ดียิ่งขึ้น เช่น ห้องน้ำรั่วเนื่องจากระบบท่อมีปัญหา จึงปรับโฉมห้องน้ำใหม่ทั้งห้อง หรือพื้นดาดฟ้ารั่ว จึงปรับเป็นสวนดาดฟ้าสำหรับพักผ่อน
ปรับปรุงใหม่ให้ใช้งานดีขึ้น ถึงแม้ไม่ได้มีอะไรเสียหาย แต่ปรับเพื่อแก้ปัญหาการใช้งาน เช่น เพิ่มแผงกันแดดที่หน้าต่างห้องทำงานซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่แดดส่องร้อนแรงหรือติดตั้งระบบผนังฉนวนกันเสียงและเปลี่ยนหน้าต่างชุดใหม่ในห้องนอนซึ่งมีเสียงรบกวนจากถนนใหญ่ที่มีรถวิ่งผ่าน
ปรับโฉมใหม่ตามสไตล์ที่ชอบ เช่น แต่งห้องใหม่ให้เป็นสไตล์ลอฟท์โดยการฉาบผนังใหม่ให้เป็นปูนเปลือยแบบดิบๆ ด้วยสกิมโค้ทและรื้อฝ้าเพดานออกเพื่อโชว์ท่องานระบบต่างๆ
2. รวบรวมข้อมูลและรูปแบบที่ชอบ
การตกแต่งห้องหรือพื้นที่ที่ประทับใจ รวมถึงวัสดุที่ใช้ ซึ่งอาจพบเห็นได้จากสื่อต่างๆ หรือสถานที่จริง ตลอดจนวิธีการในการปรับปรุงซ่อมแซมแต่ละส่วน ทั้งนี้เพื่อเป็นแนวทางในการรีโนเวทบ้าน หรือเป็นข้อมูลในการออกแบบของสถาปนิกหรือมัณฑนากร และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญต่างๆ
3. ตรวจสอบสภาพพื้นที่และกำหนดแนวทางในการรีโนเวทบ้าน
ควรตรวจสอบส่วนต่างๆ ของบ้าน หรือพื้นที่ที่กำลังจะปรับปรุงว่ามีส่วนใดยังใช้งานได้ดี หรือมีส่วนใดที่เสียหายต้องซ่อมแซมทั้งก่อนและขณะลงมือปรับปรุงบ้าน โดยการทำ Check List ในแต่ละห้องหรือแต่ละพื้นที่ตามประเภทงานต่างๆ แบ่งเป็น งานโครงสร้าง งานสถาปัตยกรรม (วัสดุตกแต่งและปิดผิว) พื้นที่รอบบ้าน งานระบบไฟฟ้า งานระบบประปาและสุขาภิบาล รวมถึงระบบปรับอากาศ (ถ้ามี) ตลอดจนกำหนดแนวทางในการปรับปรุงแก้ไขที่เหมาะสมในแต่ละงาน โดยอาจปรึกษาวิศวกร สถาปนิก หรือผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
ยกตัวอย่างเช่น หากต้องการปรับปรุงห้องน้ำที่ใช้งานมานานกว่า 10 ปี สำหรับงานโครงสร้าง ควรตรวจสอบสภาพพื้นห้องน้ำว่า มีความเสียหายจากการรั่วซึมหรือไม่มีแนวทางซ่อมแซมอย่างไร งานสถาปัตยกรรม ควรตรวจสอบสภาพกระเบื้องปูพื้นและผนัง สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ ว่ายังอยู่ในสภาพดีหรือไม่ หรือควรเปลี่ยนใหม่ตามแนวการตกแต่งที่ชอบไปพร้อมๆ กับการทำระบบกันซึมใหม่ งานระบบประปาและสุขาภิบาล อาจถึงเวลาที่ควรเปลี่ยนท่อประปาใหม่ พร้อมกับการเดินแนวท่อตามการจัดวางผังห้องน้ำใหม่ เป็นต้น
4. สรุปเนื้องานที่ต้องการปรับปรุง
โดยพิจารณางานปรับปรุงซ่อมแซมต่างๆ จาก Check List ที่ทำไว้ และสรุปเนื้องานที่ต้องการปรับปรุงตามวัตถุประสงค์ เพื่อให้สอดคล้องกับงบประมาณที่ตั้งไว้
5. จัดเตรียมงบในการปรับปรุงบ้าน แบ่งได้เป็น 3 ส่วน ดังนี้
ส่วนที่ 1 ค่าออกแบบโดยสถาปนิก มัณฑนากร วิศวกรโครงสร้าง และวิศวกรงานระบบต่างๆ
ส่วนที่ 2 ค่าใช้จ่ายในการปรับปรุง ได้แก่ ค่าวัสดุและค่าแรงก่อสร้าง ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า รวมถึงค่าดำเนินการต่าง ๆ ระหว่างการก่อสร้าง
ส่วนที่ 3 ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าเช่าโกดังเก็บของ ค่าเช่าบ้านอยู่ชั่วคราว ค่าดำเนินการขออนุญาตปรับปรุงบ้านกับหน่วยงานราชการ (สำหรับกรณีที่จำเป็นต้องยื่นขออนุญาต) ค่าบริการที่ปรึกษางานก่อสร้าง ฯลฯ
ทั้งนี้เราอาจใช้งบประมาณเพียงบางส่วนจากทั้ง 3 ส่วนที่กล่าวมา ซึ่งขึ้นอยู่กับปริมาณงาน และขอบเขตในการปรับปรุงบ้าน นอกจากนี้ควรเผื่องบประมาณที่อาจจะบานปลายไว้ด้วย อย่างไรก็ตาม หากมีงบประมาณจำกัด ควรวางแผนลำดับความสำคัญในการปรับปรุงบ้านเป็นส่วนๆ ตามช่วงเวลาต่างๆ ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับงบประมาณในการปรับปรุง
6. เลือกวิธีการรีโนเวทบ้าน
หากเป็นการรีโนเวทบ้านทั้งหลัง หรือเป็นการต่อเติมปรับปรุงพื้นที่ขนาดใหญ่ ซึ่งจำเป็นต้องปรึกษาผู้ออกแบบหรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง สามารถเลือกได้ 2 วิธีคือ
รีโนเวทบ้านแบบ Design Bid Built
Design Bid Built เป็นลักษณะที่ผู้ออกแบบและผู้รับเหมาแยกกันคนละราย เจ้าของบ้านสามารถตรวจสอบและปรับปรุงแบบให้ตรงตามความต้องการได้ค่อนข้างสมบูรณ์ ก่อนการดำเนินการก่อสร้างโดยผู้รับเหมา นอกจากนี้ผู้ออกแบบจะมีส่วนร่วมในฐานะที่ปรึกษาของเจ้าของบ้าน ตลอดจนร่วมตรวจคุณภาพงานและวิธีแก้ปัญหาของผู้รับเหมาในระหว่างก่อสร้างด้วย ดังนั้น นอกเหนือจากประสบการณ์ด้านการออกแบบแล้ว ประสบการณ์ด้านการควบคุมงานและประสานงานก่อสร้างของผู้ออกแบบจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะอาจส่งผลต่อความล่าช้าและงบประมาณในการปรับปรุงบ้านได้
รีโนเวทบ้านแบบ Design & Build
Design & Build เป็นลักษณะที่ผู้ออกแบบและผู้รับเหมาคือรายเดียวกัน หรือที่เรียกทั่วไปว่า “Turn Key” เป็นวิธีที่สะดวกต่อเจ้าของบ้าน เพราะจะติดต่อกับผู้ประสานงานรายเดียวตั้งแต่เริ่มออกแบบจนปรับปรุงบ้านแล้วเสร็จ ซึ่งควรกำหนดขอบเขตงานและรายละเอียดการก่อสร้างโดยระบุในสัญญาว่าจ้างให้ชัดเจน เพื่อป้องกันข้อขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการปรับปรุง เนื่องจากไม่มีคนกลางในการประสานงาน อย่างไรก็ตาม การจ้าง Turn Key เป็นวิธีที่ช่วยควบคุมระยะเวลาและงบประมาณในการก่อสร้างได้ดี
รวมไอเดียรีโนเวทบ้านจากลูกค้าของ SCG
รีโนเวทบ้านทาวน์โฮมใหม่ทั้งหลัง
ไอเดียแรกเป็นการรีโนทเวทบ้านเพื่อปรับปรุงใหม่ทั้งหลัง พร้อมทั้งปรับดีไซน์ใหม่ให้มีความร่วมสมัย และผสานความชื่นชอบของผู้อยู่อาศัย เนื่องจากสภาพบ้านก่อนหน้าที่มีความทรุดโทรมทั้งในแง่ของความสวยงาม และโครงสร้างของตัวบ้าน โดยภายนอกมีการนำโครงสร้างของเหล็กดัดมาประยุกต์ พร้อมเลือกสีน้ำตาลเข้ม ตัดด้วยสีอ่อนอย่างสีขาว และสีน้ำตาลอ่อนของกำแพงบ้าน
รีโนเวทเพื่อเพิ่มฟังก์ชันให้กับตัวบ้าน
เดิมทีบ้านหลังนี้มีการออกแบบให้มีช่องหน้าต่างน้อย จึงส่งผลต่อเรื่องการรับแสง ทางเจ้าของบ้านจึงทำการรีโนเวทใหม่ให้มีรูปลักษณ์ที่ทันสมัยมากขึ้นด้วยการทาสีขาว พร้อมทั้งติดตั้งหน้าต่างเพิ่มทั้งชั้นล่างและชั้นบน ช่วยเพิ่มทางเดินของอากาศให้ภายในบ้านมีอากาศไหลเวียนที่ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยรับแสงธรรมชาติได้มากขึ้น ทำให้ภายในบ้านมีความโปร่งและสบายตามากขึ้นจากแสงภายนอก
รีโนเวทภายในบ้านให้มีความทันสมัยและสบายตามากขึ้น
ภายในบ้าน เป็นส่วนที่มีการใช้งานจากผู้อยู่อาศัยมากที่สุด ทั้งการพักผ่อน การทำกิจกรรม รวมไปถึงการรับประทานอาหาร โดยไอเดียนี้เป็นการดีไซน์โซนครัวและโซนทานข้าวใหม่ ให้มีความโปร่ง โล่ง และสบายตามากขึ้น เน้นดีไซน์มีความโมเดิร์น ผสานกับจุดเด่นของหน้าต่างบานกระจกขนาดใหญ่ ช่วยให้แสงธรรมชาติลอดผ่านเข้ามาในบริเวณดังกล่าวได้ดี ช่วยเสริมบรรยากาศให้มีความอบอุ่น เหมาะกับการนั่งทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัว
รีโนเวทบ้านต้องขออนุญาตไหม มีข้อกฎหมายอะไรที่ต้องรู้บ้าง
หากการรีโนเวทบ้านเป็นเพียงการซ่อมแซมแก้ไขส่วนที่ชำรุดเสียหาย เช่น ทาสีใหม่ เปลี่ยนกระเบื้อง ปูพื้นไม้ หรือเปลี่ยนสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ สามารถทำได้เลยโดยไม่ต้องขออนุญาต แต่หากเป็นการรีโนเวทที่มีการดัดแปลงอาคาร เช่น ต่อเติมหลังคา เพิ่มห้องหรือพื้นที่ใช้สอย รื้อหรือเคลื่อนย้ายผนัง เปลี่ยนแปลงระบบไฟฟ้าหรือประปา จะต้องยื่นขออนุญาตต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นก่อน โดยต้องมีเอกสารแบบแปลนที่ถูกต้องและผ่านการรับรองจากสถาปนิกหรือวิศวกรควบคุม ซึ่งเจ้าของบ้านต้องจ้างมาดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย
นอกจากนี้ ต้องตรวจสอบก่อนว่าบ้านที่จะรีโนเวทมีข้อจำกัดอะไรหรือไม่ เช่น ถ้าซื้อบ้านจากโครงการจัดสรร อาจมีกฎของโครงการในเรื่องการต่อเติมหรือรีโนเวท หรือถ้าบ้านอยู่ติดแนวเขตที่ดินสาธารณะ เช่น ถนน คลอง แม่น้ำ ทางรถไฟ แนวสายไฟฟ้า ฯลฯ จะต้องถอยร่นแนวก่อสร้างให้ถูกต้องตามระยะที่กฎหมายกำหนดด้วย เพื่อไม่ให้ผิดกฎหมายหรือต้องรื้อถอนภายหลัง
รีโนเวทบ้านต้องเตรียมเงินสำรองฉุกเฉินไว้เท่าไหร่ถึงจะราบรื่น
เงินสำรองฉุกเฉินเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องมีไว้ในแผนรีโนเวทบ้านเสมอ โดยทั่วไปต้องสำรองไว้อย่างน้อย 20-30% ของงบประมาณรีโนเวททั้งหมด เพื่อใช้ในกรณีจำเป็นหรือมีเรื่องนอกแผนเกิดขึ้น เช่น พบพื้นไม้ผุกร่อนมากกว่าที่คาดไว้ ต้องใช้วัสดุก่อสร้างมากกว่าที่คำนวณไว้ อัตราค่าแรงงานมีการปรับขึ้น หรือมีการเปลี่ยนแบบแปลนกะทันหัน ทำให้ค่าใช้จ่ายบานปลาย ซึ่งทุกคนจะต้องเผื่อใจและปรับตัวให้ได้
วิธีคำนวณเงินสำรองฉุกเฉินอีกแบบคือ คิดเผื่อจากราคาค่าก่อสร้าง 10,000 – 15,000 บาทต่อตารางเมตร เช่น ถ้ารีโนเวทบ้าน 100 ตร.ม. ก็ต้องสำรองเงินไว้ประมาณ 1,000,000 – 1,500,000 บาท ซึ่งคิดเป็น 20-30% ของงบประมาณก่อสร้างที่คุณควรมีติดมือไว้นั่นเอง
สรุปเกี่ยวกับขั้นตอนสำคัญที่ต้องรู้ก่อนรีโนเวทบ้าน
ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเลือกวิธีไหนสำหรับการรีโนเวทบ้านทั้งหลัง เจ้าของบ้านสามารถว่าจ้างที่ปรึกษาควบคุมงานต่างหาก เพื่อให้การก่อสร้างปรับปรุงบ้านเป็นไปอย่างราบรื่น ตามระยะเวลาและงบประมาณที่กำหนดไว้
อย่างไรก็ตาม เจ้าของบ้านอาจจะลองพิจารณาของเก่าที่มีอยู่ โดยนำมาปรับปรุงหรือประยุกต์ใช้ใหม่ เพื่อคงเรื่องราวดั้งเดิมของบ้านเก่าไว้บางส่วน เช่น บานประตูไม้จริงที่ยังมีสภาพดี หากนำมาขัดลอกทำสีใหม่ก็นำไปใช้ได้เช่นเคย หรือประตูหน้าต่างเก่าเสียหาย ก็สามารถนำมาดัดแปลงเป็นเฟอร์นิเจอร์ได้ เป็นต้น นอกจากนี้ควรพิจารณาขายของเก่าบางอย่างที่สามารถขายได้ เช่น โครงเหล็ก ประตู-หน้าต่างอะลูมิเนียม ฯลฯ เพื่อช่วยลดงบประมาณในการปรับปรุงบ้านอีกทางหนึ่งด้วย
ขอขอบคุณที่มาบทความ
scgsmartliving.com
วางแผนรีโนเวทบ้านของคุณ 6 ขั้นตอนสำคัญที่ต้องรู้ แนวทางการรีโนเวท 6 ขั้นตอน สำหรับหลายๆ คนที่คิดว่าจะปรับปรุงบ้านไม่ว่าจะเป็นงานปรับปรุงบางส่วน หรือปรับปรุงบ้านทั้งหลัง